ย้อนรอย‘เขามโนราห์’ ไขปริศนาภาพเขียนสี 3,000 ปี

แม้ปมสังหารครอบครัวผู้ใหญ่วรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ จะคลี่คลายลงแล้ว แต่ชื่อ ‘เขามโหราห์’ ที่ปรากฏเป็นข่าวเมื่อหลายวันก่อนในสถานะเงื่อนปมหนึ่งกลับยังคงทิ้งร่องรอยให้น่าติดตาม
เทือกเขามโนราห์ หรือเทือกเขาขาว ประกอบด้วยภูเขา 3 ลูก คือ เขามโนราห์ เขาถ้ำช้างนอก และเขาเหล็กไฟ อยู่ในพื้นที่หมู่ 2 และ หมู่ 3 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ภูเขาหินปูนลูกนี้ตั้งโดดเด่นเป็นฉากหลังของเรื่องราวความขัดแย้งในพื้นที่มานานหลายปี นับตั้งแต่ประทานบัตรใบแรกเปิดทางสู่การสัมปทานโรงโม่หิน
ทว่า ท่ามกลางเสียงคัดค้านและสนับสนุนที่แบ่งผู้คนออกเป็นสองฝ่าย การสำรวจพื้นที่ทั้งบนเขาและในถ้ำก็ถูกนับหนึ่งนับจากนั้น
นิวัฒน์ วัฒนยมนาพร อดีตประธานสภาวัฒนธรรมเมืองกระบี่ ซึ่งปัจจุบันทำงานให้กับเครือข่ายพิทักษ์สิทธิชุมชนบ้านเขากลม เท้าความว่าในปี พ.ศ.2555 เมื่อชาวบ้านรู้ข่าวว่าจะมีการทำโรงโม่หินก็เริ่มคัดค้าน โดยให้เหตุผลว่ายังไม่มีการประชาพิจารณ์และมีการปลอมแปลงเอกสารบัตรประชาชน จนเป็นเหตุให้นายทุนไล่ฟ้องร้องชาวบ้าน
“หลังจากนั้นชาวบ้านทางอ่าวลึกก็เข้ามาปรึกษาผมว่า ละแวกนั้นควรจะมีการตรวจสอบทั้งด้านธรรมชาติและโบราณคดี เพราะที่ผ่านมาเขาไม่ได้ดูว่าเป็นพื้นที่สมบูรณ์แค่ไหน เป็นแหล่งน้ำหรือไม่ เขาอ้างว่าเป็นแหล่งหิน คือคุณภาพป่าแถวนั้นเสื่อมสภาพหมดแล้ว อ้างกันว่ามีต้นไม้ไม่กี่ต้น ไม่มีถ้ำ พอสู้กันจริงๆ ตรวจสอบจริงๆ ปรากฏว่าพื้นที่นี้อยู่ในป่า ถ้ำก็เยอะแยะนับสิบแห่ง และขุดเจอโบราณวัตถุต่างๆ ด้วย”
นิวัฒน์บอกว่าหลังจากเข้าไปสำรวจในพื้นที่ก็พบทั้งเศษกระดูก ภาชนะดินเผา เครื่องมือหิน และภายในถ้ำมโนราห์เองก็มีภาพเขียนสีอยู่หลายสิบรูป จึงไปแจ้งต่อกรมศิลปากร
“ที่จริงชาวบ้านเคยเห็นที่นี่มาอยู่แล้ว แต่ไม่ได้คิดถึงว่าต้องประสานกับกรมศิลปากร ผมซึ่งทำงานด้านวัฒนธรรมอยู่แล้ว ก็เลยรายงานทางกรมศิลป์ เขาเลยส่งผู้เชี่ยวชาญลงมาดู”
อาถรรพ์เขามโนราห์?
อาจจะไม่ใช่เรื่องลี้ลับหรือคำสาปแช่งอะไร แต่ความศักดิ์สิทธิ์ของเขามโนราห์คือสิ่งที่ชาวบ้านเชื่อถือต่อกันมาหลายชั่วอายุคน
โดยเฉพาะชื่อ ‘มโนราห์’ มีตำนานพื้นบ้านเล่าว่า สมัยก่อนเคยมีคณะมโนราห์ที่จะไปแสดงที่พระธาตุนครศรีธรรมราชและได้เรี่ยไรเงินสิ่งของมีค่าติดตัวไปด้วย ระหว่างทางได้มาพักที่ถ้ำแห่งนี้แล้วเกิดเสียชีวิตทั้งหมด กลายเป็นคำร่ำลือถึงสิ่งลี้ลับที่อยู่ในถ้ำ
ส่วนอีกความเชื่อหนึ่งที่เล่าต่อๆ กันมาก็คือ ถ้ำนี้เคยมีสระน้ำใหญ่ที่มีกินรีตัวเล็กๆ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า มโนราห์ มาเล่นน้ำในถ้ำ จึงเรียกกันต่อมาว่าถ้ำมโนราห์ ซึ่งไม่เพียงมีคุณค่าทางจิตใจ ยังเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญของชุมชนในแถบนี้่ด้วย
และเมื่อมีการค้นพบว่าภายในถ้ำมีทั้งภาพเขียนสีและโบราณวัตถุต่างๆ ชาวบ้านก็ยิ่งมีความหวงแหน กระทั่งเมื่อปี พ.ศ.2558 กรมศิลปากร ได้ประกาศขึ้นทะเบียนและกำหนดเขตกลุ่มเทือกเขาขาว หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเทือกเขามโนราห์เป็นโบราณสถานเขาขาว จึงกลายเป็นเงื่อนไขที่ทำ่ให้สถานที่แห่งนี้รอดพ้นจากการบุกรุกทำลาย โดยเฉพาะการทำโรงโม่หิน
“เมื่อพบว่าเป็นแหล่งโบราณคดี ชาวบ้านช่วยกันดูแลอย่างดี ทุกปีๆ ในวันมรดกโลก พวกเขาจะเข้าไปในพื้นที่ ถ้าพบร่องรอยต่างๆ ที่ใครไปทำลายก็พยายามตักเตือนกัน พอเจอโบราณวัตถุก็จะมาแจ้งผม แจ้งกรมศิลปากร และแจ้งตำรวจ ปัจจุบันเราจึงเจอแหล่งโบราณคดีมากมายในละแวกนี้ทั้งบ้านเขากลมและบ้านเขางาม” นิวัฒน์ กล่าวด้วยความภูมิใจ
ถึงอย่างนั้น หลายปีที่ผ่านมาแหล่งโบราณคดีแห่งนี้กลับถูกทิ้งร้าง ภาพเขียนสีเริ่มจางไปตามกาลเวลา ร่องรอยการถูกทำลายเริ่มพบเห็นมากขึ้น คำถามคือ สังคมจะปล่อยให้หลักฐานนี้สูญหายไปพร้อมๆ กับความสนใจใครรู้ที่เริ่มจะจางลงหรือไม่
ที่มา http://www.bangkokbiznews.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น