พบศพชายถูกฆ่า หายไปนาน 40 ปี หลังเมล็ดพืชในท้องเขาโตขึ้นมาเป็นต้นไม้ !

 เปิดรายงานชวนอึ้ง พบศพชายถูกฆ่าตาย-หายไปนาน 40 ปี หลังเจอต้นไม้ที่ตามธรรมชาติแล้วไม่น่าจะโตในพื้นที่ เกิดเป็นความสงสัย จนความจริงปรากฏว่า มันโตมาจากเมล็ดในท้องของศพ 

 เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2561 เว็บไซต์มิเรอร์ เผยเรื่องราวของชายรายหนึ่งชื่อว่า อาห์เหม็ด เฮอร์กูน เขาถูกฆาตกรรมเสียชีวิต เนื่องจากปมขัดแย้งระหว่างชาวไซปรัสเชื้อชาติกรีกและไซปรัสเชื้อชาติตุรกี เมื่อปี 1974 (พ.ศ. 2517) แต่ในตอนนั้นศพของเขาหายไป หาไม่พบจนวันเวลาผ่านล่วงเลยไปนานมากกว่า 40 ปี และไม่มีใครคาดคิดว่าจะพบศพของเขาอีก

           กระทั่งวันหนึ่งในปี 2554 ทีมนักวิจัยได้พบว่า มีต้นไม้ต้นหนึ่ง ได้แก่ ต้นมะเดื่อ เติบโตขึ้นในพื้นที่ซึ่งไม่ใช่ตามธรรมชาติของมันที่จะเติบโตในพื้นที่ดังกล่าว ด้วยความผิดสังเกต ทีมผู้เชี่ยวชาญจึงได้ทำการตรวจสอบ แล้วผลที่ปรากฏออกมาก็ทำเอาอึ้งไปตามกัน เมื่อพบว่า ต้นไม้ต้นนี้ งอกและเจริญเติบโตมาจากเมล็ดที่อยู่ในท้องของศพมนุษย์ ซึ่งปัจจุบันได้กลายสภาพเหลือแต่กระดูก และภายหลังจากตรวจสอบดีเอ็นเอและเศษชิ้นส่วนเสื้อผ้า ก็ทราบว่า คือศพของ อาห์เหม็ด เฮอร์กูน 

รายงานระบุว่า ในช่วงเวลาเกิดเหตุ อาห์เหม็ด ได้เข้าไปหลบอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ก่อนกลุ่มศัตรูจะปาระเบิดไดนาไมต์เข้าไป เป็นเหตุให้เขาเสียชีวิตภายในถ้ำดังกล่าว แต่นอกจากนั้น แรงของระเบิดยังทำให้เกิดโพรงภายในถ้ำ มีแสงสาดส่องเข้าไปได้ ทั้งนี้คาดว่า อาห์เหม็ดน่าจะกินผลมะเดื่อเข้าไปก่อนที่จะเสียชีวิตไม่นาน จึงเป็นสาเหตุให้เมล็ดมะเดื่อที่เหลือในท้องของเขาเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นต้นได้เช่นนี้ 

           มูเนอร์ เฮอร์กูน วัย 87 ปี ผู้เป็นน้องสาวของอาห์เหม็ด เผยว่า ในตอนนั้นครอบครัวอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่มีคนประมาณ 4,000 คน เป็นชาวกรีซและตุรกีอย่างละครึ่ง ก่อนจะเกิดสงครามความขัดแย้งขึ้น อาห์เหม็ดเข้าร่วมกับฝ่ายต่อต้านตุรกี ก่อนเขาจะหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน  2517 หลังจากนั้นก็ไม่พบร่องรอยหรือศพของเขาอีกเลย ครอบครัวตามหาจนหมดความหวัง ไม่น่าเชื่อว่าจะมาพบศพเพราะต้นมะเดื่อที่เกิดจากเขา 

           "เมล็ดมะเดื่อส่วนที่เหลืออยู่ในท้องของพี่ชายฉันเติบโตกลายเป็นต้นไม้ได้ เพราะมีแสงส่องผ่านเข้าไปผ่านทางโพรงที่เกิดจากแรงระเบิด ขอบคุณต้นมะเดื่อที่ทำให้สุดท้ายก็พบศพของพี่ชาย" มูเนอร์ กล่าว