พบถ้ำซ่อนตัว 5 พันปี เจอแท่นบัลลังก์หิน เศษภาชนะดินเผา-กระดูก
ตะลึง! พบถ้ำซ่อนตัวเองมา 5 พันปี ติดกับสำนักสงฆ์ถ้ำหลวงจา จ.กระบี่
เผยสำรวจเจอเศษภาชนะดินเผา-กระดูก ตะลึงแท่นบัลลังก์หิน
ยุคก่อนประวัติศาสตร์ 3-5 พันปี ชี้! จุดชมวิวสวยงาม
เตรียมผลักดันเป็นแหล่งท่องเที่ยว ล่าสุด
กรมศิลปากรได้บันทึกชื่อเป็นแหล่งโบราณสถาน
วันที่ 2 ก.ย. นายนิวัฒน์ วัฒนยมนาพร
กรรมการที่ปรึกษาหน่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและศิลปกรรมท้องถิ่นจังหวัดกระบี่
อาสาสมัครท้องถิ่นในการดูแลรักษามรดกทางศิลปวัฒนธรรม จ.กระบี่ กรมศิลปากร
พร้อมด้วยช่างภาพอิสระและชาวบ้าน
เข้าสำรวจภายในถ้ำที่อยู่ติดกับสำนักสงฆ์ถ้ำหลวงจา บ้านเขาแก้ว หมู่ 4
ต.คลองยา อ. อ่าวลึก จ.กระบี่ หลังรับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบเศษภาชนะดินเผา
และโครงกระดูกจำนวนมาก
โดยทางคณะสำรวจได้เดินเข้าขึ้นไปบริเวณปากถ้ำ สูงประมาณ 30 เมตร
พบว่าภายในถ้ำแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเป็นโถงถ้ำ
และอีกส่วนหนึ่งเป็นที่พำนักของพระสงฆ์ จำนวน 2 รูป
บริเวณปากถ้ำพบกองเศษกระดูกขนาดเล็กและขนาดใหญ่จำนวนมาก
คาดว่าเป็นกระดูกสัตว์ และบางส่วนอาจจะมีกระดูกของมนุษย์รวมอยู่ด้วย
ไม่ต่ำกว่า 100 ชิ้น นอกจากนี้ยังพบชิ้นส่วนภาชนะดินเผา
เช่นชิ้นเศษหม้ออีกจำนวนหนึ่ง คาดว่าอยู่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์
3,000-5,000 ปี
จากนั้นทางคณะนักอนุรักษ์ก็ได้เดินสำรวจบริเวณภายในถ้ำ
พบว่าเป็นห้องโถงที่มีความกว้างเชื่อมถึงกันรวม 5 ห้อง เนื้อที่ประมาณ 3-5
ไร่ ลักษณะอากาศภายในเย็นสบาย มีธารน้ำไหลผ่าน
แต่ละห้องมีหินงอกหินย้อยที่มีความสวยงาม และที่โดดเด่นคือแท่นบัลลังก์หิน
ที่มีลวดลายรูปทรงสวยงามแปลกตาจำนวนหลายแท่น สะท้อนแสงระยิบระยับ
ทั้งนี้
เมื่อดูลักษณะของหินงอกหินย้อยแล้วมีการงอกขึ้นมาใหม่ตามหยดน้ำที่ไหลลงมา
หรือที่เรียกว่าถ้ำเป็น ทำให้มีสภาพอากาศเย็นสบาย
เมื่อเดินสำรวจทางด้านข้างพบว่าสามารถเดินออกไปชมวิวมุมสูงที่สวยงาม 180
องศา จึงเหมาะที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิอนุรักษ์และแหล่งเรียนรู้ได้
นายนิวัฒน์ เปิดเผยว่า ถ้ำหลวงจาแห่งนี้แม้ว่าส่วนหนึ่งจะเป็นสำนักสงฆ์
แต่มีความเหมาะสมที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
และแหล่งศึกษาเรียนรู้ทางโบราณคดี เนื่องจากมีการสำรวจพบเศษภาชนะดินเผา
และโครงกระดูกจำนวนมาก
คาดว่าเป็นแหล่งอาศัยของมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์อายุระหว่าง 3-5 พันปี
นอกจากนี้ภายในถ้ำมีพื้นที่กว้างขวาง สามารถจุผู้คนได้จำนวนมาก
มีอุโมงค์ที่เดินทะลุไปอีกฝั่งหนึ่งได้รวมระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร
ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่จากสำนักศิลปากร เพื่อบันทึกเป็นว่าแหล่งโบราณ
อยู่ระหว่างการสำรวจอย่างเป็นทางการเพื่อเตรียมขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น