ความเชื่อโบราณเรื่องการเกิดจันทรุปราคา
เรื่องราหูอมจันทร์เป็นเรื่องราวที่ชาวบ้านรู้จักกันดี ถึงเวลาเช่นนั้นทุก
คนต่างเอาใจช่วยพระจันทร์กันทั้งนั้น ต่างเกลียดพระราหูยิ่งนัก
เหตุการณ์เช่นนี้ปรากฎการณ์ตามธรรมชาติ ที่เรียก
ว่า จันทรุปราคา ชาวบ้านเรียก จันทร์อังคาด
ตำนานมีว่า พระราหูกับพระจันทร์และพระอาทิตย์มีเรื่องโกรธ
เคืองกันอยู่ คือเมื่อครั้งเทวดากวนน้ำอมฤต เทวดาพยายาม
กีดกันไม่ให้พวกอสูรได้ดื่มน้ำอมฤต แต่พระราหูซึ่งมีกำเนิดเป็น
อสูรตระกูลแทตย์ได้ปลอมตัวเป็นเทวดา และได้เล็ดลอดเข้าไป
ดื่มน้ำอมฤตนั้นได้สำเร็จ
ฝ่ายพระอาทิตย์และพระจันทร์ ซึ่งเป็นเทวดาอยู่ในที่ประชุม เห็นพระราหูทำเช่นนั้น จึงทูลพระนารายณ์ให้ทรงทราบ พระนารายณ์กริ้วจึงเอาจักรขว้าง ถูกราหูขาดสองท่อนแต่ก็ไม่ตาย เพราะได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไปแล้ว ท่อนหัวกลายเป็นพระเกตุ (ตำนานว่าพระเกตุมีลูกเป็นดาวหางและผีพุ่งใต้)
ตั้งแต่นั้นมา พระราหูประกาศเป็นศัตรูกับพระจันทร์และพระอาทิตย์ทันที คือพระราหูคอยจับพระจันทร์และพระอาทิตย์กินหรืออมไว้เพื่อเป็นการแก้แค้น ถ้าอมพระจันทร์เราเรียกว่าจันทรุปราคา ถ้าอมพระอาทิตย์เราเรียกว่าสุริยุปราคา ชาวบ้านเรียก "มีสูรย์มีจันทร์" หรือ "จัทนคราส สุริยคราส"
รูปพระราหูเท่าที่จิตรกรเขียนกันนั้น เขียนเป็นหน้าแทตย์ (แทตย์ คือ ยักษ์, ผี, อสูร จำพวกหนึ่ง ) ที่ดุร้าย หางเป็นนาค สีกายดำหลัวๆ แต่ที่เขียนเป็นรูปยักษ์ครึ่งตัว สีเขียวกำลังอมพระจันทร์ก็มี ส่วนในทางพระพุทธศาสนา ก็มีประวัติแห่งความเป็นศัตรูระหว่างพระราหูกับพระจันทร์อยู่เหมือนกัน ตำนานว่าสมัยหนึ่ง เศรษฐีชื่อ หัสวิสัย มีบุตร 3 คน เมื่อคราวทำบุญให้บิดา บุตรทั้ง 3 ทำบุญตักบาตรกัน บุตรคนใหญ่เอาขันทองมาใส่ บุตรคนรองเอาขันเงินมาใส่ บุตรคนสุดท้ายแย่งไม่ทันเลยต้องเอากระทาย (กระทาย คือ กระบุงเล็ก ใช้ตักหรือตวงข้าวของชาวโบราณ) มาใส่ เป็นเหตุให้น้องคนสุดท้องโกรธพี่ทั้งสองมาก
ยิ่งกว่านั้นเมื่อตั้งสัตย์อธิษฐาน พี่ชายทั้งสองก็แย่งตำแหน่งดีๆ ไปเสียเกือบหมด คือคนหัวปีอธิษฐานขอเป็นพระอาทิตย์ พี่คนรองขอเป็นพระจันทร์ น้องสุดท้ายคิดไม่ทันเขาอีกก็โกรธ เลยขออธิษฐานเป็นพี่ชายของพระอาทิตย์และพระจันทร์เสียเลย ให้มีร่างกายใหญ่โตปิดบังแสงพระอาทิตย์แสงพระจันทร์ได้ ครั้น 3 พี่น้องตายลงต่างก็ไปเกิดตามที่ตนตั้งใจอธิษฐานไว้ น้องสุดท้องจึงไปเกิดเป็นพระราหู และคอยบังพระอาทิตย์ พระจันทร์เสมอมา นี่ก็เป็นตำนานแห่งจันทรุปราคา และสุรยุปราคาอีกทางหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น